วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

หนุมาน


หนุมาน เป็นลิงเผือก (กายสีขาว) มีลักษณะพิเศษ คือ มีเขี้ยวแก้วอยู่กลางเพดานปาก มีกุณฑลขนเพชร สามารถแผลงฤทธิ์ให้มีสี่หน้าแปดมือ และหาวเป็นดาวเป็นเดือนได้ ใช้ตรีเพชร(สามง่าม) เป็นอาวุธประจำตัว(จะใช้เมื่อรบกับยักษ์ตัวสำคัญ ๆ) มีความเก่งกล้ามาก สามารถแปลงกายหายตัวได้ ทั้งยังอยู่ยงคงกระพัน แม้ถูกอาวุธของศัตรูจนตาย เมื่อมีลมพัดมาก็จะฟื้นคืนได้อีก
เมื่อนางสวาหะ ถูกมารดาสาปให้ไปยืนตีนเดียวเหนี่ยวกินลม พระอิศวร จึงบัญชาให้พระพาย นำเทพอาวุธของพระองค ์ไปซัดเข้าปากของนาง นางจึงตั้งครรภ์และคลอดบุตร เป็นลิงเผือกเหาะออกมาจากปาก ได้ชื่อว่า หนุมาน หนุมานจึงถือว่าพระพายเป็นพ่อของตน หนุมานได้ถวายตัวเป็นทหารเอกของพระรามช่วยทำการรบจนสิ้นสงคราม

พาลี


พาลี เป็นลิงมีกายสีเขียว เป็นโอรสของพระอินทร์กับนางกาลอัจนา ถูกฤๅษีโคดมสาปให้กายเป็นลิงพร้อม ๆ กับสุครีพผู้เป็นน้อง หลังจากที่ฤๅษีรู้ความจริงว่าทั้งสองเป็นลูกชู้ พระอินทร์สงสารโอรสที่ต้องซัดเซพเนจรอยู่ในป่าจึงสร้างเมืองขีดขินให้ปกครอง และตั้งนามให้โอรสว่าพระยากากาศ (ซึ่งภายหลังได้นามใหม่ว่าพาลี) แล้วให้สุครีพเป็นมหาอุปราช ครั้งหนึ่ง พระอิศวรฝากนางดารามากับพาล ีเพื่อเป็นรางวัลให้สุครีพ แต่พาลีกลับยึดนางไว้เป็นภรรยาของตนเสียเอง และต่อมาพาลีก็ยังแย่งนางมณโฑมาจากทศกัณฐ์ขณะทศกัณฐ์พานางเหาะผ่านเมืองขีดขิน ภายหลังพาลีถูกพระรามสังหารด้วยศรจนสิ้นชีวิต

นางสีดา


นางสีดา คือ พระลักษมี มเหสีของพระนารายณ์ อวตารลงมาเกิดเพื่อเป็นคู่ครองของพระราม ตามบัญชาของพระอิศวร นางสีดาเป็นพระธิดาของทศกัณฐ์กับนางมณโฑ แต่เมื่อประสูติแล้ว พิเภกได้ทำนายว่า นางเป็นกาลกิณีแก่พระบิดาและบ้านเมือง ทศกัณฐ์จึงสั่งให้นำนางใส่ผอบลอยน้ำไป พระฤาษีชนกพบเข้า จึงเก็บไปเลี้ยงเป็นลูก โดยฝังดินฝากพระแม่ธรณ๊ไว้ เวลาผ่านไปถึง 16 ปี พระฤาษีชนกเบื่อหน่ายการบำเพ็ญพรตคิดกลับไปครองกรุงมิถิลาเช่นเดิม จึงลาเพศพรหมจรรย์ไปขุดนางขึ้นมาและตั้งชื่อให้ว่า สีดา(แปลว่ารอยไถ) จากนั้นพานามเข้าเมืองมิถิลา จัดพิธียกศรคู่บ้านคู่เมืองเพื่อเสี่ยงทายหาคู่ครองให้นางสีดา พระรามยกศรได้จึงได้อภิเษกสมรสกับนางสีดา

พระลักษมณ์


พระลักษมณ์ คือ พญาอนันตนาคราช ที่ประทับของพระนารายณ์มาเกิดมีกายสีทอง พระลักษมณ์ เป็นพระโอรสของท้าวทศรถและนางสมุทรเทวี มีพระอนุชาร่วมพระมารดา คือ พระสัตรุตพระลักษมณ์มีความจงรักภักดีต่อพระรามมาก เมื่อพระรามต้องออกเดินป่าถึง 14 ปีพระลักษมณ์ก็ได้ติดตามไปด้วย และยังช่วยออกรบกับกองทัพของกรุงลงกาอย่างกล้าหาญหลายครั้งหลายหน

พระราม


พระราม คือ พระนารายณ์อวตาร (แบ่งภาค) ลงมา ถือกำเนิดเป็นพระราชโอรสของท้าวทศรถกับนางเกาสุริยา แห่งกรุงอยุธยา เพื่อจะปราบปรามทศกัณฐ์ พระรามมีพระอนุชาต่างพระมารดา 3 พระองค์ คือ พระพรต พระลักษมณ์ และพระสัตรุต พระมเหสีของพระราม คือ นางสีดา พระรามมีกายสีเขียว สามารถปรากฎร่างเป็นพระนารายณ์มีสี่กรได้ อาวุธประจำพระองค์ คือ ศร ซึ่งเป็นอาวุธวิเศษที่ได้ประทานมาจากพระอิศวร

พระนารายณ์


พระนารายณ์ เป็นเทวดาผู้เป็นใหญ่ฝ่ายปราบปราม มีกายสีดอกตะแบก มี 4 กรซึ่งกรทั้ง 4 นั้นถิออาวุธต่าง ๆ กัน คือ คฑา ตรี จักร สังข์ ประทับอยู่กลางเกษียรสมุทรบนหลังพญานาค ชื่อ อนันตนาคราช พระมเหสีของพระองค์คือพระลักษมี ทรงใช้ครุฑเป็นพาหนะพระนารายณ์มีชื่อเรียกอย่างอื่นอีก เช่น พระทรงครุฑ พระสี่กร พระทรงสังข์ พระวิษณุ พระธราธร พระสังขกร เป็นต้น

พระอินทร์


พระอินทร์ คือ เทวดาผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ กายสีเขียว มีพระเนตรถึงพันดวง ใช้วัชระ(สายฟ้า) เป็นอาวุธ มีช้างเอราวัณเป็นพาหนะ พระองค์มีมเหสี 4 องค์ คือ สุจิตรา สุธรรมา สุนันทา และสุชาดา
พระอินทร์เป็นผู้ดูแลทุกข์สุขของมนุษยโลก ยามใดที่มีเรื่องเดือดร้อนขึ้นบนโลกมนุษย์ อาสนะของพระองค์ที่เคยอ่อนนุ่มก็จะแข็งกระด้าง หรือบางครั้งก็ร้อนจนไม่สามารถประทับอยู่ได้ พระอินทร์มีชื่อเรียกอย่างอื่น เช่น ท้าวสหัสนัยน์ ท้าวโกสีย์ ท้าวสักกะ เทวราช อมรินทร์ ศักรินทร์ มัฆวาน เพชรปาณี เป็นต้น

ท้าวมาลีวราช


ท้าวมาลีวราช หรือมาลีวัคคพรหม เป็นพรหมมี 4 พักตร์ 8 กร มีความยุติธรรมมากจึงได้รับพรจากพระอิศวรให้มีวาจาสิทธิ์ ท้าวมาลีวราช มีศักดิ์เป็นปู่ของทศกัณฐ์ เมื่อทศกัณฐ์ทำสงครามกับพระรามต้องสูญเสียญาติมิตรและบริวารเป็นจำนวนมาก
ทศกัณฐ์หวังจะให้ท้าวมาลีวราชสาปแช่งพระราม จึงฟ้องร้องต่อท้าวมาลีวราชใส่ร้ายพระรามมากมาย ท้าวมาลีวราชไม่ต้องการฟังความข้างเดียว จึงให้เชิญพระรามและนางสีดาไปสอบสวนจนได้ความจริง ท้าวมาลีวราชสั่งให้ทศกัณฐ์คืนนางสีดาไป แต่ทศกัณฐ์ไม่ยินยอม ท้าวมาลีวราชโกรธมากกล่าวคำสาปแช่งให้ทศกัณฐ์ต้องตายด้วยศรของพระราม

พระอุมา


พระอุมา เป็นมเหสีของพระอิศวร มีสองภาคคือภาคใจดีกับภาคดุร้าย พระอุมาในภาคใจดีเป็นหญิงสาวที่มีรูปโฉมงดงามมาก ส่วนในภาคดุร้ายจะมีรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัวมีหัวกะโหลกมนุษย์ห้อยที่พระศอ มี 10 กร แต่ละกรถืออาวุธต่าง ๆ กัน ทั้งยังมีจิตใจโหดเหี้ยมมากแม้แต่พระอิศวรเองก็ยังเกรงพระอุมาในภาคดุร้ายนี้ พระนามของพระอุมาในภาคดุร้ายมีชื่อเรียกอย่างอื่นเช่น ทุรคา กาลี จัณฑี เป็นต้น

พระอิศวร


พระอิศวร คือเทวดาผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์ มีกายสีเขียว แต่พระศอเป็นสีดำเพราะเคยดื่มยาพิษ มีพระเนตรถึง 3 ดวง ดวงที่ 3 อยู่กลางพระนลาฏ ซึ่งตามปกติจะหลับอยู่เนื่องจากพระเนตรดวงที่ 3 นี้มีอานุภาพร้ายแรงมาก หากลืมขึ้นเมื่อใดจะเผาผลาญทุกอย่างให้มอดไหม้ได้
พระมเหสีของพระองค์ คือ พระอุมา มีพระราชโอรสด้วยกัน 2 พระองค์ คือ พระขันทกุมารและพระพิฆเณศ พระอิศวรมีนาคเป็นสังวาล มีพระจันทร์เป็นปิ่น อาวุธประจำพระองค์คือตรีศูล (หลาวสามง่าม) พาหนะของพระองค์ คือ โคอุศุภราช พระองค์ยังมีชื่อเรียกอีกหลายชื่อ เช่น พระศุลี พระศิวะ พระภูเตศวร พระตรีเนตร พระสยมภู พระมหาเทพ พระวิศานาถ พระมเหศวร เป็นต้น

วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

รามเกียรติ์


รามเกียรต ิ์ มีที่มาจากเรื่อง รามยณะ ที่ฤาษีวาลมิกิ ชาวอินเดีย แต่งขึ้นเป็นภาษาสันกฤต เมื่อประมาณ 2,400 ปีเศษ มาแล้วและได้แพร่หลาย จากอินเดียไปยังประเทศใกล้เคียง และได้มีการเพิ่มเติมรายละเอียด ผิดแผกแตกต่างออกไปจากต้นฉบับเดิมไปไม่น้อย

....รามยณะ เป็นปางหนึ่งในสิบปางของการอวตารมาปราบยุคเข็ญ ของพระนารายณ์ ที่มีชื่อว่า รามาวตาร สำหรับเรื่อง รามเกียรติ์ ของไทยนั้น มีมาแต่สมัยอยุธยา ในสมัยกรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้ทรงพระราชนิพนธ์สำหรับให้ละครหลวงเล่น ปัจจุบันมีอยู่ไม่ครบ ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ได้ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นเพื่อรวบรวมเรื่อง รามเกียรติ์ ซึ่งมีมาแต่เดิมให้ครบถ้วน สมบูรณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ

....พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ ได้ทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่อง รามเกียรติ์ เพื่อให้ละครหลวงเล่น ได้ทรงเลือกมาเป็นตอน ๆ รามเกียรติ์ นี้จึงมีสำนวนกลอนที่ไพเราะที่สุด พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่อง รามเกียรติ์ โดยดัดแปลงจากพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ เพื่อใช้ในการเล่นโขนซึ่งจะมีอยู่เพียงบางตอนที่คัดเลือกไว้เท่านั้น เช่น ตอนนางลอย ตอนหักคอช้างเอราวัณ ตอนสีดาลุยไฟ เป็นต้น

....รามเกียรติ์ เป็น วรรณคดี ที่สำคัญของไทย เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย เนื้อเรื่องและสำนวนกลอนในเรื่อง รามเกียรติ์ มีความไพเราะ มีคติสอนและแง่คิดในด้านต่าง ๆ อยู่เป็นอันมาก สอดแทรกเอาไว้ตลอดทั้งเรื่อง ตามหลักนิยมของอินเดียในเนื้อเรื่อง และหลักนิยมของไทยในสำนวนกลอน จิตรกรรมฝาผนังเรื่อง รามเกียรติ์ ที่รอบพระระเบียงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) เขียนขึ้นมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธ ยอดฟ้าฯ จำนวน 178 ห้อง เขียนโดยจิตรกรที่มีฝีมือยอดเยี่ยมของไทย เป็นภาพวิจิตรงดงาม ทรงคุณค่าทางศิลปกรรมเป็นอย่างยิ่ง โดยมีการ ซ่อมแซมหลายครั้ง เมื่อปี พ.ศ. 2375, พ.ศ. 2425, พ.ศ. 2475 และครั้งล่าสุดเมื่อปี พ.ศ. 2525

. . . นอกจากเนื้อเรื่อง รามเกียรติ์ แท้ ๆ จากห้อง 1 ถึงห้อง 178 ยังมีเรื่องการอวตารของพระนารายณ์ในปางก่อน ๆ อันเป็นที่มาของเรื่อง รามเกียรติ์ อีกหลายปางคือนรสิงหาวตาร ซึ่งเป็นปางที่สี่ วราหาวคาร ซึ่งเป็นปางที่ก่อให้เกิดวงศ์พระนารายณ์ขึ้น ที่โลกมนุษย์ คือ ท้าวอโนมาตัน โอรสพระนารายณ ์ ที่เกิดจาก องค์ พระนารายณ์ เอง ให้ครองกรุงศรีอยุธยาที่ พระอิศวร โปรดให้ พระอินทร์ ลงมาสร้างให้หลานปู่ของ ท้าวอโนมาตัน คือ ท้าวทศรถ ผู้เป็นพระราชบิดาของ พระราม